โปรเเกรมระบบโรงเเรมถ้าใช้มากเกินไปผลเสียมี 4 อย่างดังนี้

โปรเเกรมระบบโรงเเรม เป็นตัวช่วยในการบริหารการจัดการต่างๆ ทุกวันนี้เจ้าของกิจการของโรงเเรมต่างๆก็ได้ก็งัดกลยุทธ์ โปรเเกรมโรงเเรม กันออกมาเพื่อสร้างประสบการณ์ เพื่อทุ่นเวลา เพื่อประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ เเละ ค่าใช้จ่ายที่หมุนเวียนขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจโลก ทุกคนมีเเข่งขันกันน่าดู

อีกเเง่หนึ่งถ้านำเทคโนโลยีในรูปเเบบต่างๆมาใช้ในทางไม่ดี สิ่งเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดโทษอย่างร้ายเเรงอาจเป็นผลไปในทางอาชญากรรมในรูปเเบบต่างๆ เช่นการใช้โทรศัพท์สมาทโฟนในการสื่อสาร เดินเข้าไปในห้องน้ำก็เจอระบบชักโครกทำงานอัตโนมัติ รับประทานอาหารจะมีระบบไมโครเวฟเพื่ออุ่นอาหารเครื่องทำกาแฟ เเม้เเต่ยุคสมัยใหม่การออกจากบ้านก็ต้องใช้เทคโนโลยีทางด้านการขับขี่ เช่นไม่ต้องขับเอง จะมีระบบช่วยขับเคลื่อน 4 ล้อไปยังจุดหมายปลายทางได้อัตโนมัติ

โปรเเกรมระบบโรงเเรม ต่างๆในจะมีข้อดีที่ทุ่นเเรงเราทั้งหมดเเต่จะมีข้อเสียจากการใช้เทคโนโลยีมากเกินไป ดังนี้

1. ถ้าใช้มากเกินไปจะมีความโดดเดี่ยวปฏิสัมพันธ์กับผู้คนลดน้อยลง 

เทคโนโลยีทำให้เกิดความโดดเดี่ยว

สมัยก่อนเรายังไม่มี โปรเเกรมระบบโรงเเรม หรือเทคโนโลยีต่างๆ ตอนที่เราเดินเข้าไปในโรงแรมเริ่มต้นตั้งแต่มี door man เปิดประตู กล่าวคำทักทาย ยิ้มแย้ม แจ่มใส ชวนคุยสัปเพเหระ ไปเช็คอินเข้าที่พักก็จะเจอพนักงานต้อนรับบริการด้วย service mind และเสนอทุกย่างโดยที่ผู้เข้าพักไม่ต้องร้องขออะไรเลย

แต่ตอนนี้เมื่อมีโปรแกรมจัดการระบบโรงแรมเข้ามาในรูปแบบเทคโนโลยีต่างๆ ทำให้การสื่อสารลดลงเพราะโรงแรมหลายๆที่ในโลกอาจไม่ได้ต้องการพนักงานอีกแล้วจึงให้โปรแกรมเทคโนโลยีการจัดการโรงแรมมาควบคุมทุกอย่างมากเกินไป เช่น หุ่นยนต์  การใช้ระบบการจัดการโรงแรมทางด้านเทคโลโลยีคิวอาร์โค๊ด มากำหนดทิศทางตั้งแต่การเช็คอิน ยัน ออกบิล เช็คเฮ้า 

ในอายุของผู้เข้าพักเฉลี่ย 1946 – 1964 จะมีความต้องการการ service ในโรงแรมสูงมากเพราะเป็นรุ่นอายุที่มีความรู้ทางด้านเทคโนโลยีน้อยและไม่ยอมรับสิ่งแปลกใหม่ จึงเกินความโดดเดี่ยว เพราะโปรแกรมการจัดการโรงแรมด้านเทคโนโลยี่เข้ามามีผลจัดการทุกเรื่องโดยขาดไม่ได้สำหรับปัจจุบัน

2. ทำให้เกิดการรั่วไหลของข้อมูลส่วนรวมเเละส่วนบุคคล

ข้อมูลเกิดการรั่วไหล

เป็นตัวอย่างที่เป็นภัยคุกคามที่ทั่วโลกต้องรู้ กรณีศึกษาในการใช้ โปรเเกรมระบบโรงเเรม เทคโนโลยีต่างๆการจัดการระบบโรงแรมผิดพลาด“ ไม่น่าเชื่อว่า Data Breach จะทำให้กิจการโรงแรมระดับโลก สัญชาติอังกฤษอย่าง Marriott International โดนค่าปรับจำนวนกว่า 18.4 ล้านยูโร ”ที่มาของค่าปรับจำนวนมหาศาลนี้

มาจากกรณีการรั่วไหลของข้อมูลลูกค้ากว่า 300 ล้านราย ในปี 2014 ขณะที่ Marriott ได้ออกมายอมรับว่าโดนแฮ็กข้อมูลจริงในปี 2018 ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นประเด็นร้อนที่หลายคนสงสัยว่า เพราะเหตุใด Marriott จึงเพิกเฉยต่อการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญ อีกหนึ่งความเคลือบแคลงใจคือ ข้อมูลที่รั่วไหลไปนั้น เป็นจำนวนข้อมูลลูกค้ากว่า 300 ล้านราย รายละเอียดของ 

ข้อมูลที่รั่วไหลไปนั้น มีทั้งชื่อ ที่อยู่ หมายเลขพาสปอร์ต อีเมล ข้อมูลการเดินทาง ฯ ของแขกผู้เข้าพัก กว่า 7 ล้านรายชื่อเป็นข้อมูลที่เชื่อมโยงกับประชากรชาวอังกฤษอีกด้วย ด้วยจำนวนข้อมูลสำคัญรั่วไหลไปจำนวนมากขนาดนี้ เหตุใด marriott จึงไม่รีบดำเนินการหรือแจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลให้ทันท่วงที มีความเสียหายหลายร้อยล้าน

เพราะระบบ Data Security Foundation ที่หละหลวม นักวิจัยด้านความปลอดภัย และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ตั้งคำถามต่อความหละหลวมของ Data Security Foundation หรือระบบดูแลความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของ Marriott และต่างก็ตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใด

การควบรวมกิจการขนาดใหญ่ที่ใช้เม็ดเงินในการลงทุนสูงเช่นนี้ ถึงมีขั้นตอนการตรวจสอบความเสี่ยงที่ไม่สามารถตรวจจับการโจมตีจากแฮ็กเกอร์ได้

3. เกิดการพัฒนาอาชญากรรมรูปเเบบใหม่ในการใช้เทคโนโลยี

เทคโนโลยีเกิดการพัฒนาอาชญากรรม

เนื่องจาก โปรเเกรมระบบโรงเเรม เป็นศุนย์รวมข้อมูลของผู้เข้าพักหลากหลาย นานาชาติ ที่เก็บ data ไว้ในระบบนั้นๆ มีทั้งชื่อ ที่อยู่ หมายเลขพาสปอร์ต อีเมล ข้อมูลการเดินทาง  รวมไปถึงบัตรเครดิตข้อมูลทางการเงินของผู้เข้าพัก จากที่มาตามเคสตัวอย่างเบื้องต้น ข้อ2. หลังจากนั้นทางโรงแรมก็ได้พัฒนาความปลอดภัยอีกหลายขั้นเพื่อไม่ให้เกิดอาชญากรรมขึ้นอีก ดังนั้นในเมื่อโรงแรมพัฒนาเทคโนโลยีได้ มิจฉาชีพก็มีความรู้ความสามารถพัฒนารูปแบบอาชญากรรมได้เช่นกัน

4. ทําให้เกิดปัญหาการว่างงาน

สภาวะว่างงาน

จากผลกระทบของโควิดทั่วโลก ลดจำนวนการว่าจ้าง ธุรกิจล่มสลายแค่ไม่กี่เดือนเป็นปัญหาที่ไม่มีใครเข้ามาควบคุมได้ ธุรกิจที่เห็นได้ชัดที่สุดคือธุรกิจประเภทงานบริการ เช่น สายการบิน โรงแรม ห้าง ผับ บาร์ ต่างๆ เมื่อไม่มีรายรับ เจ้าของธุรกิจก้ไม่มีรายได้ แต่ก็ต้องการคงที่รูปแบบกิจการไว้ ประคับประคองจนกว่าปัญหาจะผ่านไป

ในเชิงธุรกิจโรงแรมนั้น โปรเเกรมระบบโรงเเรม ก็มีเทคโนโลยีการจัดการต่างๆโดยเลิกจ้างพนักงานมากขึ้น หรือลดรายได้พนักงาน เอาเทคโนโลยีเข้าไปจัดการมากขึ้น เช่น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ในส่วนต่างๆของโรงแรมพนักงานบริการจะมีเยอะสุดตรงจุดพนักงานต้อนรับ ได้เปลี่ยนเป็น การใช้ระบบโรงแรมเช็คอินต้นทาง เข้าพักโดยไม่มีการสื่อสารใดๆ

สรุป

ปัจจุบันเทคโนโลยีในการจัดการทุกๆอุตสาหกรรมเข้ามามีผลต่อการดำเนินทั้งชีวิตทั้งส่วนบุคคลเเละส่วนรวม มนุษย์จึงไม่มีขีดจำกัดในการพัฒนาต่อยอด  ตามตัวอย่างที่ได้ยกประเด็นมา 4 ข้อนั้นเป็นตัวอย่างที่เห็นผลกระทบได้ชัดเจน เทคโนโลยีใหม่ๆ มักเกี่ยวข้องกับการเก็บข้อมูลของผู้ใช้ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงที่ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้จะถูกเปิดเผยหรือนำไปใช้ไม่เหมาะสม

เราควรตั้งอยู่ในความพอดีในการใช้เทคโนโลยีการจัดการต่างๆ ไม่มากเกินไปจนต้องสูญเสียต่อตัวเอง สังคม และสิ่งแวดล้อม และ เศรษฐกิจ การพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปอาจทำให้ผู้ใช้ขาดทักษะและความรู้ที่จำเป็นในการทำงาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงาน

เทคโนโลยีใหม่ๆ มักมีความซับซ้อนและยากในการใช้งานของบางกลุ่มอายุ อาจจะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ หรือจะต้องใช้ความชำนาญในการใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้ ต้องให้คำเเนะนำเป็นอย่างดี

ศึกษาเพิ่มเติม click


บทความที่เกี่ยวข้อง

โปรแกรมโรงแรม ai

โปรแกรมที่ใช้ในโรงแรม ยุคDigital  

โรงแรมเป็นสถานที่บริการที่เน้นประสบการณ์ในการพักผ่อนดัง […]

โปรเเกรมบริหารโรงเเรม

โปรเเกรมบริหารโรงเเรม 4 เทรนด์การสื่อสารเด่นสุดปี 2023

โปรเเกรมบริหารโรงเเรม ในปี 2023 ที่โรงเเรมจะต้องใช้ โปร […]

ฟังก์ชั่นย่อยเพิ่มเติม

เทียบกันชัดๆ ว่า มี Roomyy ดีกว่ายังไง

มีแพคเกจ Life – Time ที่จ่ายครั้งเดียวตลอดชีพ มี 5 ฟังก […]