เพิ่มกำไรของธุรกิจโรงแรม ด้วยระบบ Dynamic Pricing

ระบบ Dynamic Pricing การกำหนดราคาห้องพักแบบแปรผันตามเงื่อนไขและปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อความต้องการและการจองของลูกค้าในเวลาแต่ละช่วง โดยการบริหารราคาห้องพักในโรงแรมเป็นแนวทางสำคัญในการเพิ่มรายได้และช่วยเพิ่มกำไรของธุรกิจโรงแรมในปัจจุบัน 

นอกจาก โปรแกรมโรงแรม อย่าง PMS ที่ช่วยบริหารจัดการห้องพักแล้ว ยังมีอีกวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มรายได้ คือการใช้ระบบราคาไดนามิก หรือ Dynamic Pricing ซึ่งช่วยให้โรงแรมสามารถปรับราคาห้องพักตามสถานการณ์ และความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ 

pricing

การใช้ระบบ Dynamic Pricing ช่วยให้โรงแรมสามารถกำหนดราคาตามเวลาที่แตกต่างกัน เช่น ช่วงเวลายอดฮิตหรือช่วงเวลาที่มีความต้องการน้อยลง เพื่อให้ลูกค้ามีโอกาสในการเลือกห้องพักที่เหมาะสมกับงบประมาณและความต้องการของพวกเขา 

คุณทราบหรือไม่

การปรับราคาให้ดียิ่งขึ้นแค่ 1% สามารถเพิ่มกำไรให้กับคุณได้ถึง 11%

roomyy.co

ดังนั้น การใช้ระบบราคาแบบไดนามิกที่ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าเป็นสิ่งที่จำเป็น และมีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงรายได้ของคุณให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

Dynamic Pricing คืออะไร 

Dynamic Pricing (การกำหนดราคาแบบไดนามิก) คือ กระบวนการหรือกลยุทธ์ในการกำหนดราคาสินค้าหรือบริการที่มีการปรับเปลี่ยนตามเวลาและตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยใช้ข้อมูลและปัจจัยต่างๆ เพื่อคำนวณราคาที่เหมาะสม ในแต่ละช่วงเวลาหรือสถานการณ์ที่แตกต่างกัน เพื่อให้สามารถเพิ่มรายได้ และกำไรของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด.

Dynamic Pricing มักนำไปใช้ในธุรกิจที่มีการตั้งราคาแบบคงที่เมื่อเปรียบเทียบกับความต้องการและข้อจำกัดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่น โรงแรม, สายการบิน, บริการอาหารและเครื่องดื่ม, การจองบัตรสำหรับกิจกรรมพิเศษ เป็นต้น

คุณจะทำการปรับราคารายวันอย่างไร

เพื่อให้มีการใช้ประสิทธิภาพสูงสุดในการให้บริการห้องพักของคุณ?

Dynamic Pricing ในสายงานโรงแรม คือ การกำหนดราคาห้องพักแบบแปรผันตามเงื่อนไขและปัจจัยต่างๆ เพื่อให้โรงแรมสามารถเพิ่มรายได้ และกำไรของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกสถานการณ์ 

ความสำคัญของ Dynamic Pricing นี้อยู่ที่การปรับราคาห้องพักให้เหมาะสมกับความต้องการ และสภาพตลาดซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา.

ปัจจัยที่มีผลต่อ Dynamic Pricing ในโรงแรม :

  • วันและช่วงเวลา: วันในสัปดาห์, วันหยุด, ฤดูกาล เป็นต้น เช่น การเพิ่มราคาในช่วงสุดสัปดาห์หรือในช่วงงานเทศกาล.
  • ระยะเวลาการจองล่วงหน้า: ความล่วงหน้าของการจองห้องพัก.
  • ปริมาณการจองที่มีอยู่: จำนวนห้องที่มีการจองและความว่างเปล่าของห้องพักในขณะนั้น.
  • การจองของคู่แข่ง: การค้าแข่งกับโรงแรมอื่นๆ ในพื้นที่.
  • ความต้องการของลูกค้า: ความต้องการพิเศษหรือความต้องการเพิ่มเติมเช่นอาหารเช้า, การรับรองห้องพัก, หรือบริการอื่นๆ.
  • การจองล่วงหน้าและการจองในช่วงเวลาสุดท้าย: การจองล่วงหน้าหรือการจองในช่วงเวลาสุดท้าย.

Dynamic Pricing ช่วยให้โรงแรมสามารถปรับราคาโดยอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานห้องพัก, บริหารรายได้, และเพิ่มกำไร โดยใช้ข้อมูลการจองและปัจจัยอื่นๆ เพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้นในการกำหนดราคาห้องพักในแต่ละช่วงเวลา.

วิธีการทำงานการกำหนดราคาแบบไดนามิก

วิธีการทำงานของการกำหนดราคาแบบไดนามิก (Dynamic Pricing) เป็นกระบวนการที่ใช้ข้อมูลและปัจจัยหลายๆ อย่างเพื่อกำหนดราคาห้องพักโรงแรมให้เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา เพื่อเพิ่มรายได้และความกำไรของโรงแรม ดังนี้:

  • การวิเคราะห์ปัจจัยหลัก: การกำหนดราคาแบบไดนามิกจำเป็นต้องวิเคราะห์ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของลูกค้าในการจอง อย่างเช่น ปริมาณการจองของลูกค้าในอดีต (ข้อมูลประวัติ), ฤดูกาล, ปัจจัยทางสภาพอากาศ, การจองของคู่แข่ง, และความต้องการในวันที่มีอัตราการใช้จองที่สูงขึ้นหรือต่ำลง เพื่อปรับราคาในแต่ละช่วงเวลาให้เหมาะสม.
  • ระบบสารสนเทศและการวิเคราะห์ข้อมูล: การใช้ระบบสารสนเทศและเทคโนโลยีในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญในการกำหนดราคาแบบไดนามิก ระบบสามารถเก็บข้อมูลการจอง, ข้อมูลทางการตลาด, และข้อมูลประวัติไว้เพื่อใช้ในการตัดสินใจในการกำหนดราคาในระหว่างเวลาจริง.
  • การปรับราคาแบบอัตโนมัติ: ระบบ Dynamic Pricing จะใช้ข้อมูลและวิเคราะห์เพื่อปรับราคาโดยอัตโนมัติตลอดเวลา โดยคำนึงถึงปัจจัยทั้งภายในและภายนอก ซึ่งช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพในการกำหนดราคา และเพิ่มรายได้ของโรงแรม โดยสร้างมูลค่าสูงสุดให้กับแต่ละห้องพักในแต่ละช่วงเวลา.

การกำหนดราคาแบบไดนามิกเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับโรงแรมในการเพิ่มรายได้และความกำไร โดยใช้ข้อมูลและปัจจัยที่หลากหลายเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในแต่ละระยะเวลาอย่างเหมาะสม.

สรุป

Dynamic Pricing ช่วยโรงแรมโดยการเพิ่มประสิทธิภาพในการกำหนดราคาและบริหารรายได้ โดยปรับราคาห้องพักให้เหมาะสมกับความต้องการและสภาพตลาดในแต่ละเวลา นั่นหมายความว่าโรงแรมสามารถเพิ่มรายได้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยไม่ต้องเสียเวลาในการปรับราคาด้วยมือตลอดเวลา 

การใช้ Dynamic Pricing ช่วยลดการว่างห้องและเพิ่มรายได้โดยอัตโนมัติในทุกสถานการณ์ นอกจากนี้ยังช่วยในการแข่งขันกับโรงแรมคู่แข่งและดึงดูดลูกค้าโดยทั้งการปรับราคาและการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า.

โรงแรมควรใช้โปรแกรม Dynamic Pricing เพื่อเปรียบเทียบและปรับราคาห้องพักให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความต้องการของตลาดในเวลาจริง โดยเฉพาะโรงแรมที่มีความต้องการให้ห้องพักเต็มที่ และต้องการเพิ่มรายได้โดยไม่เสียเวลาในการตรวจสอบและปรับราคาอย่างต่อเนื่อง 

ด้วย Dynamic Pricing, โรงแรมสามารถใช้ข้อมูลและปัจจัยต่างๆ เพื่อตัดสินใจที่ดีในการกำหนดราคาและบริหารรายได้เพื่อเพิ่มกำไรและประสิทธิภาพในธุรกิจของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกสถานการณ์.


บทความที่เกี่ยวข้อง

ระบบ PMS

โปรแกรมการจัดการ โรงแรมตามขั้นตอนต่างๆ

โปรแกรมการจัดการ โรงแรมหรือการบริหารการจัดการนั้นเป็นเค […]

PMScloud

โปรแกรม PMS on Primise & Cloud คุณจะเลือกอะไร?

โปรแกรม PMS (Property Management System) คือ ระบบการจัด […]